บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครบรอบ 40 ปี ก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ปีแห่งการสร้าง Synergy ด้วยวิสัยทัศน์ สอดประสานความเป็นเลิศในการดำเนินงานภายในกลุ่ม ก้าวสู่เป้าหมาย EBITDA 100,000 ล้านบาทในปี 2573 รักษาความเป็นผู้นำด้านพลังงานของประเทศไทย ขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกมากขึ้น สร้างรากฐานมั่นคง สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 กลุ่มบริษัทบางจากได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นในการดำเนินงานท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทาย ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างผลประกอบการที่เติบโตอย่างมั่นคง
การเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์ของบางจากฯ เป็น “ใบไม้ใบใหม่” ที่สะท้อนภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านพลังงานของประเทศที่มีความทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าและสังคม รวมถึงส่งผลต่อปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในสถานีบริการ เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าในแบรนด์บางจากและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีการขยายให้ลูกค้าเลือกใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 บางจากฯ จะเริ่มผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญสำหรับทั้งบริษัทฯ และประเทศไทย ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับบางจากฯ และสังคมโดยรวมในฐานะทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมการบิน ด้วยความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทบางจากในการเป็นผู้นำในการพัฒนาเชื้อเพลิงยั่งยืน พร้อมทั้งดำเนินกลยุทธ์ตามแนวคิด Bangchak 100x เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย EBITDA 100,000 ล้านบาทและการเติบโตเป็นองค์กรที่ยั่งยืน 100 ปีคู่สังคมไทย
บางจากฯ ยึดมั่นในพันธกิจในการขับเคลื่อนการเติบโตโดยรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงด้านพลังงาน การเข้าถึงพลังงาน และความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยมีแผนงานหลักๆ ในการขยายธุรกิจ ดังนี้
ธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน และธุรกิจต่อเนื่อง: เน้นการสร้าง synergy ระหว่างโรงกลั่นระดับโลก 2 แห่งคือโรงกลั่นพระโขนงและโรงกลั่นศรี ราชา โดยได้ตั้งเป้าหมายอัตราการกลั่นน้ำมัน 280,000 บาร์เรลต่อวัน ในปี 2568 จาก nameplate capacity (กำลังการกลั่นติดตั้ง) รวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มค่าการกลั่น (GRM) นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด รวมถึงการขยายการผลิตผลิตภัณฑ์เฉพาะทางที่มีมูลค่าสูง เช่น Unconverted Oil และขี้ผึ้ง นอกจากนี้ ในปี 2568 จะเป็นปีแห่งการบุกเบิกความเป็นผู้นำในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ด้วยกำลังการผลิต 7,000 บาร์เรลต่อวัน มีความพร้อมในการจัดวัตถุดิบสำหรับการผลิตจากเครือข่ายพันธมิตรและการรับซื้อน้ำมันผ่านโครงการทอดไม่ทิ้งทั่วประเทศ ซึ่ง SAF เป็นผลิตภัณฑ์ที่มี margin สูงกว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานแบบดั้งเดิมและมีแนวโน้มความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต ทำให้กลุ่มบริษัทบางจากก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดโรงกลั่นเฉพาะทาง ที่ยึดมั่นด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน
ความเป็นเลิศในธุรกิจการตลาด: ขยายแนวคิด “Greenovative Destination” ผ่านการเพิ่มเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,400 แห่งภายในปี 2573 เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 33% โดยมุ่งเน้นที่ตลาดที่มีความต้องการสูง และในส่วนของธุรกิตตลาดพาณิชยกรรมมุ่งขยายตลาดในภูมิภาค (กัมพูชา ลาว สหภาพเมียนมาร์ และเวียตนาม) การรวมบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ พร้อมสร้างประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้าและเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์บางจาก เช่น ร้านกาแฟอินทนิลและสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว: กลุ่มบริษัทบางจากมีการขยายธุรกิจพลังงานสีเขียว ผ่านการดำเนินงานของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ซึ่งยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2030 ตั้งเป้าได้รับการคัดเลือกเป็นหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 และเป็นหนึ่งในหุ้นยั่งยืนที่ถูกคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนี DJSIด้วยกลยุทธ์เน้นการขยายการลงทุนในพลังงานสีเขียวในประเทศที่มีธุรกิจอยู่แล้วและการทำ capital rec ycling เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น พร้อมกับการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนโดยให้ความสำคัญกับการรักษาวินัยทางการเงินและผลตอบแทนการลงทุนที่เหมาะสม นอกจากนี้บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพแบบครบวงจร กำลังมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์และขยายธุรกิจหลักไปสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูง บีบีจีไอตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ผลิต CDMO (Contract Development and Manufacturing Organization) รายแรกในอาเซียนในปี 2568 โดยมีแผนที่จะผลิตมากกว่า 1 ล้านลิตรต่อปีภายในปี 2571
สร้างความมั่นคงทางพลังงานผ่านธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม: กลุ่มบริษัทบางจากได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) ด้วยการลงทุนใน OKEA ASA ในประเทศนอร์เวย์ตั้งแต่ปี 2561 โดยมีเป้าหมายการขยายกำลังการผลิต 50,000 บาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2573 ตลอดจนมีแผนที่จะขยายธุรกิจ E&P ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก อาทิ เอเชียแปซิฟิก เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ E&P ของกลุ่มบริษัทบางจากอย่างยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายรวมที่ 100,000 บาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2573
แพลตฟอร์มเพื่อรองรับการเติบโตและเสถียรภาพทางการเงิน: กลุ่มบริษัทบางจากให้ความสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ให้ผู้บริโภคเข้าถึงพลังงานได้ในราคาที่เหมาะสม และยั่งยืน โดยระหว่างปี 2568-2573 มีแผนการลงทุน 120,000 ล้านบาท เพื่อไปสู่เป้าหมาย EBITDA ระดับใหม่ที่ 100,000 ล้านบาทภายในปี 2573 โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดที่แข็งแกร่ง การเพิ่มประสิทธิภาพและการกระจายธุรกิจเพื่อสร้างสมดุลให้กับ Portfolio พร้อมด้วยความแข็งแกร่งทางการเงิน ได้รับการจัดอันดับเครดิต 'A' ที่มั่นคงจาก TRIS Rating ซึ่งช่วยให้สามารถมุ่งเน้นโอกาสในการเติบโตในขณะที่ยังคงรักษาผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) และผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่แข็งแกร่ง
แนวทางเพื่อการเติบโต: มุ่งเน้นการขยายธุรกิจในระยะยาวผ่านการพัฒนาและขยายธุรกิจใหม่ ๆ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์สังคมคาร์บอนต่ำ รวมถึงการเข้าสู่ธุรกิจเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนและการใช้พลังงานใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการนำระบบดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้ เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระยะยาว
กลุ่มบริษัทบางจากมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยการสร้างอนาคตผ่านการลงทุนและนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ภายใต้วิสัยทัศน์ “รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว” สู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2593
ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่ง เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องและบรรลุเป้าหมาย EBITDA 100,000 ล้านบาทภายในปี 2573 พร้อมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศไทยและภูมิภาค รวมถึงขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการพัฒนาอย่างยั่งยืน