จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวันในพื้นที่จังหวัดสงขลา ส่งผลให้ระดับน้ำในหลายพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดจังหวัดสงขลาได้ประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินครบทั้ง 16 อำเภอ สร้างความกังวลต่อความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และระบบสาธารณูปโภคสำคัญของประชาชนในพื้นที่
ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กกพ. ประจำเขต 12 จังหวัดสงขลา (สข.12) ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าและระบบก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ โดยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 โดย สข.12 ได้รับแจ้งจาก โรงไฟฟ้าโกลบอลกรีน โฮลดิ้ง อำเภอเทพา ว่ามีน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่โรงไฟฟ้า ส่งผลให้ต้องหยุดเดินเครื่องชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานจากผู้รับใบอนุญาตบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Pool Manager) เกี่ยวกับสถานการณ์โรงไฟฟ้าและโรงแยกก๊าซธรรมชาติในภาคใต้ ดังนี้
1. โรงไฟฟ้าจะนะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หยุดเดินเครื่องชั่วคราว เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 18.56 น. หลังระดับน้ำรอบโรงไฟฟ้าสูงขึ้นต่อเนื่อง โดย PTT Shipper ได้จัดส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง JDA–A18 ไปยังระยองทดแทนประมาณ 80 พันล้านบีทียูต่อวัน (BBtu/d)
2. โรงไฟฟ้าขนอม เพิ่มการเดินเครื่อง 2 หน่วยการผลิต เพื่อรักษากำลังผลิต และชดเชยก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง JDA–A18 ด้วยการใช้ก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยเพิ่มขึ้น
3. แผนสำรองในกรณีโหลดภาคใต้เพิ่มขึ้น กฟผ. เตรียมเดินโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคใต้ และโรงไฟฟ้ากระบี่ โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพไฟฟ้าของประเทศ
จากข้อมูลดังกล่าว ภาพรวมระบบผลิตไฟฟ้า การส่งก๊าซธรรมชาติ และ LNG Inventory ของประเทศยังคงมีเพียงพอและปลอดภัย สามารถบริหารจัดการได้ตามปกติ โดยที่ผ่านมา สข.12 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบด้านพลังงาน พร้อมประสานงานร่วมกับหน่วยงานปฏิบัติการในจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยได้ดำเนินการประสานให้โรงไฟฟ้าจัดทำรายงานเหตุขัดข้องต่อส่วนกลางทันที พร้อมทั้งติดตามสถานะระบบไฟฟ้าในพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 6 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล และพัทลุง โดยเฉพาะจุดที่มีผู้ใช้ไฟได้รับผลกระทบ ควบคู่กับการประสานงานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อเร่งคืนการจ่ายไฟให้ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ และเฝ้าติดตามสถานการณ์พายุฝนและระดับน้ำ พร้อมประเมินความเสี่ยงต่อระบบไฟฟ้าอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
“แม้สถานการณ์น้ำในจังหวัดสงขลาจะอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงอย่างมาก แต่สำนักงาน กกพ. ขอยืนยันว่า ระบบไฟฟ้าโดยรวมยังมีเสถียรภาพ และหน่วยงานในพื้นที่ได้ยกระดับความพร้อมด้านการตอบสนองเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกำชับ กฟภ. ให้ตรวจสอบกระแสไฟรั่ว จุดเสี่ยงอันตราย รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่น้ำท่วม และตัดกระแสไฟทันทีเมื่อพบความเสี่ยง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ทั้งยังขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนหลีกเลี่ยงการสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วม และหากพบเหตุผิดปกติ ในระบบไฟฟ้าให้แจ้ง กฟภ. ในพื้นที่ได้ตลอดเวลา กกพ. และสำนักงาน กกพ. ขอส่งความห่วงใยและกำลังใจไปยังผู้ได้รับผลกระทบ และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย” ดร.พูลพัฒน์ กล่าว