"กระทรวงพลังงาน" เร่งเครื่อง ดัน “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” วิสาหกิจลำปาง มุ่งเป้าสร้างสินค้ารักษ์โลก เตรียมเปิดตลาดในปั๊มน้ำมัน เน้นขยายฐานคนรุ่นใหม่
กระทรวงพลังงาน เปิดโมเดลความสำเร็จ วิสาหกิจชุมชนจังหวัดลำปาง จากภูมิปัญญาท้องถิ่น สู่สินค้า OTOP 5 ดาว คือ “ข้าวเกรียบเห็ด ตราครูกานต์” และ “ข้าวแต๋นทวีพรรณ” ที่นำเทคโนโลยีของกระทรวงพลังงานมาใช้ในกระบวนการผลิต ช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้พลังงาน และลดโลกร้อน สร้างรายได้รวมกว่า 4 ล้านบาทต่อปี พร้อมเตรียมเปิดตลาดใหม่ในสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเพิ่มยอดขาย เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และขยายเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงานและโฆษกกระทรวงพลังงาน และนางพัทธ์ธีรา สายประทุมทิพย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะและสื่อมวลชน ลงพื้นที่จังหวัดลำปาง เพื่อเยี่ยมชมความสำเร็จของ “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” ของวิสาหกิจชุมชนต้นแบบ 2 แห่ง ได้แก่ กลุ่มเพาะแปรรูปเห็ดบ้านสวนแม่ทะ อำเภอแม่ทะ ผู้ผลิต “ข้าวเกรียบเห็ด ตราครูกานต์” และกลุ่มข้าวแต๋นทวีพรรณ อำเภอเกาะคา ผู้ผลิต “ข้าวแต๋นทวีพรรณ” ที่นำเทคโนโลยีด้านพลังงานไปปรับใช้ในกระบวนการผลิต จนสามารถลดต้นทุน สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมมอบใบรับรอง “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” เพื่อเป็นเครื่องหมายยืนยันถึงความสำเร็จในการเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ใส่ใจต่อการใช้พลังงาน สิ่งแวดล้อม และการลดโลกร้อน

นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า ภารกิจสำคัญของกระทรวงพลังงาน คือ การส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับ โดย “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยนำเทคโนโลยีพลังงานของกระทรวงพลังงานเข้าไปสนับสนุนผู้ประกอบการ ความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนทั้ง 2 แห่งนี้ ยืนยันว่า เมื่อ “ลงทุนด้านพลังงานอย่างถูกทาง” จะเปลี่ยนวิถีการผลิตแบบดั้งเดิมให้ทันสมัย สะอาด ถูกหลักอนามัย ลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม สามารถขยายผลไปยังชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศได้
“ข้าวเกรียบเห็ด ตราครูกานต์” วิสาหกิจชุมชนเพาะแปรรูปเห็ดบ้านสวนแม่ทะ อำเภอแม่ทะ เกิดจากการรวมกลุ่มของแม่บ้านเกษตรกรที่เคยประสบปัญหาราคาเห็ดนางฟ้าตกต่ำ พลิกวิกฤตสู่การสร้างผลิตภัณฑ์แปรรูปมูลค่าสูง จุดเด่นคือ การใช้เห็ดนางฟ้าเกษตรอินทรีย์เป็นส่วนผสมหลัก ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์โปรตีนสูง ถูกหลักอนามัย และไม่ใส่สารกันบูด โดยกลุ่มได้รับสนับสนุนการติดตั้งโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่ออบแห้งแผ่นข้าวเกรียบ ช่วยลดระยะเวลาและทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสม่ำเสมอ
ทางกลุ่มฯ ยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลากหลาย เช่น เห็ดสวรรค์ น้ำพริกเห็ด เห็ดแดดเดียว เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มฯ ได้รับมาตรฐานรับรอง อาทิ OTOP 5 ดาว, อย., GMP, HACCP และฮาลาล สร้างยอดขายเฉลี่ยปีละ 1.8 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยข้าวเกรียบเห็ดมีค่าการปล่อย CO₂ อยู่ที่ 1.3 กิโลกรัม CO₂ เทียบเท่าต่อกิโลกรัม หากคิดเป็น 1 กระป๋องขนาด 45 กรัม จะปล่อย CO₂ เพียง 0.0586 กิโลกรัม CO₂ เทียบเท่า

ด้าน “ข้าวแต๋นทวีพรรณ” กลุ่มข้าวแต๋นทวีพรรณ อำเภอเกาะคา เป็นการต่อยอดภูมิปัญญาชาวบ้านล้านนาในการถนอมอาหารจากข้าวเหนียว เดิมเป็นขนมงานมงคลที่พัฒนาให้ทันสมัยทั้งรสชาติและบรรจุภัณฑ์ มีรสน้ำอ้อย (รสดั้งเดิม) สาหร่าย วาซาบิ และอื่น ๆ การได้รับสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานทำให้กลุ่มสามารถบริหารจัดการพลังงานในกระบวนการทอดและการผลิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับแนวทางการผลิตที่ยั่งยืน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มฯ ได้รับรางวัล OTOP 5 ดาว และเป็น OTOP Product Champion ต่อเนื่อง 3 ปี พร้อมมาตรฐาน GMP, HACCP, Organic และฮาลาล มียอดจำหน่ายเฉลี่ยปีละ 17 ล้านบาท ทั้งจากการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น ยุโรปและออสเตรเลีย รวมถึงการจำหน่ายในประเทศ ซึ่งมียอดจำหน่ายเฉลี่ยปีละ 2.5 ล้านบาท ข้าวแต๋นทวีพรรณมีค่าการปล่อย CO₂ อยู่ที่ 1.06 กิโลกรัม CO₂ เทียบเท่าต่อกิโลกรัม หากคิดเป็น 1 ถุงขนาด 90 กรัม จะปล่อย CO₂ เพียง 0.0954 กิโลกรัม CO₂ เทียบเท่า

นายวีรพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพลังงานจะเร่งเดินหน้าส่งเสริม “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” ทั่วประเทศ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้นในฐานะสินค้ารักษ์โลก โดยในปี 2568 นี้ เตรียมเปิดตัวความร่วมมือกับสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในสถานีบริการน้ำมันและร้านค้าในเครือทั่วประเทศ เปิดโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลิตภัณฑ์ “ข้าวเกรียบเห็ด ตราครูกานต์” และ “ข้าวแต๋นทวีพรรณ” ได้รับคัดเลือกให้จัดจำหน่ายในร้านไทยเด็ด ของเครือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) แล้ว ซึ่งจะเจาะกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น

“ความสำเร็จของทั้งสองวิสาหกิจชุมชนสะท้อนศักยภาพผู้ประกอบการท้องถิ่นเมื่อได้รับการส่งเสริมด้านเทคโนโลยีพลังงานที่เหมาะสม กระทรวงพลังงานพร้อมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อลดรายจ่ายด้านพลังงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ส่วนเร็ว ๆ นี้ กระทรวงพลังงานได้เตรียมแคมเปญเปิดตลาด ผลักดันผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน ออกจำหน่ายตามสถานีบริการน้ำมันและร้านค้าในเครือ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เข้าถึงสินค้าชุมชนได้ง่ายขึ้น บริโภคด้วยมุมมองใหม่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การลดโลกร้อน ควบคู่กับการยกระดับชีวิตของคนในชุมชน และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายวีรพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย